วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

UNIT 12 : What They Said


Reported Speech
Direct Speech คือประโยคที่พูดออกมาจากปากของผู้พูดเองโดยตรง

Indirect speech คือประโยคที่นำคำพูดของคนอื่นมาเล่าหรือรายงานให้ฟัง

หลักเกณฑ์ในการเปลี่ยน

Tense                                             Direct Speech                                                  Indirect Speech

Present Simple Tense             She said, “I have dinner.”                             She said that she had dinner.

Present Continuous Tense      She said, “I am having dinner.”                   She said that she was having dinner.

Present Perfect Tense             She said, “I have had dinner.”                     She said that she had had dinner.

Past Simple Tense                  She said, “I had dinner.”                              She said that she had had dinner.

Future Simple Tense              She said, “I Shall have dinner.”                   She said that she would have dinner.  อ่านเพิ่มเติม

UNIT 11 : If It Hadn't Happened


มีรูประโยคอยู่ประเภทนึง คล้ายๆ กับ Perfect tense มาก แต่ในการใช้งานจริง มันสื่อความหมายที่แตกต่างจาก Perfect tense ครับ … Perfect tesne นั้น จะเน้นไปที่การสื่อถึง “การสิ้นสุด” ของเหตุการณ์ โดยมีโครงสร้างหลักๆ คือ Verb to have + V3 แต่ในประโยคที่ผมพูดถึง แม้จะมีโครงสร้าง Verb to have + V3 เหมือนกัน แต่เมื่อมีกริยาช่วยเพิ่มเข้ามา ความหมายมันเปลี่ยนไปเลยครับ
ประโยคที่ว่าก็คือ ประโยคที่มีคำว่า Could/Might have + V3 หรือ Shoul have + V3 หรือ Would have + V3 หรือ Must have + V3 นั่นเอง … เอ๊ะ! แล้วมันแตกต่างจากประโยคที่เป็น Perfect tense ตามปกติยังไงล่ะ?!?

Could have + V3 หรือ Might have + V3
เราใช้รูปประโยคนี้ เมื่อต้องการพูดถึงเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นในอดีต เพียงแต่เราอยากจะสื่อให้ทราบว่า หากเราอยากจะให้มันเกิดขึ้นจริงๆ เราก็ทำได้นะ เพียงแต่เราเลือกที่จะไม่ทำ เช่น

I could have killed you 3 times already, but I chose not to. ผมสามารถฆ่าคุณได้สามครั้งแล้ว แต่ผมเลือกที่จะไม่ทำ
She could have told her boss about the harassment. หล่อนสามารถบอกเจ้านายของหล่อนเกี่ยวกับการล่วงละเมิดได้ (แต่หล่อนก็ปิดเงียบไม่บอก)
He might have passed the examination if he tried harder. เขาอาจจะสอบผ่านก็ได้ถ้าเขาพยายามให้มากกว่านี้ (ประโยคนี้ใช้ Would have passed แทนก็ได้ครับ)  อ่านเพิ่มเติม

UNIT 10 : I Wonder What Happened


หลักการใช้ Past Perfect Tense

ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น และสิ้นสุดลงแล้วในอดีตทั้ง2เหตุการณ์ซึ่งเหตุการณ์หนึ่งได้สิ้นสุดลงก่อนหน้าอีกเหตุการณ์ โดย…

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงก่อนจะใช้Past Perfect Tense

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงทีหลังจะใช้Past Simple Tense

We had gone outbeforehe came.
(เราออกไปข้างนอกกันแล้วก่อนที่เขาจะมา)

Past Perfect Tense มักจะใช้กับคำว่า before, after, already, just, yet, until, till, as soon as, when, by the time, by… (เช่น by this month) และอื่นๆ โดยจะมีอาจวิธีการใช้ต่างกันไป เช่น

Before+ Past Simple Tense + Past Perfect Tense เช่น

BeforeI went to the school, Ihad hada car accident.
(ก่อนที่ฉันจะไปโรงเรียน ฉันได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์)

After+ Past Perfect Tense + Past Simple Tense เช่น

AfterIhad finishedmy homework, I went to the Internet Café.
(หลังจากที่ฉันทำการบ้านเสร็จ ฉันก็ไปยังร้านอินเตอร์เน็ต)  อ่านเพิ่มเติม

UNIT 9 : Complaints, Complaints


วันนี้เอาโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษเก๋ๆ น่าสนใจ มาฝากกันค่ะ ซึ่งก็คือโครงสร้างแบบ have something done หรือ have something + v3

โครงสร้างแบบนี้ใช้เวลาที่เราต้องการบอกว่า ใครทำอะไรให้เรา โดยที่เรานั้นไม่ได้ทำด้วยตัวเอง เช่น ถ้าเราบอกว่า เราไปตัดผมมา โดยให้ช่างตัดให้ เราจะต้องพูดว่า

I have my hair cut. นะคะ
เราจะไม่พูดว่า I cut my hair เพราะคนฟังเขาจะเข้าใจว่า คุณตัดผมของคุณด้วยตัวเองค่ะ

ยังค่ะ!! ความพิเศษของมันยังไม่หมดเท่านี้ เพราะโครงสร้างประโยคแบบนี้สามารถผันได้ตาม Tense นะคะ มาดูตัวอย่างกันค่ะ

I had my car washed yesterday. (past simple)
She will have her nail painted. ( future simple)
They have had their house repaired. ( present perfect)
I’ m having the room painted. (present continuous)
** เราสามารถใช้ get แทน have ก็ได้ค่ะ เช่น อ่านเพิ่มเติม

UNIT 8 : Wishful Thinking

Conditional sentences หรือที่หลายคนรู้จักในนาม if-clause คือ ประโยคเงื่อนไข ประกอบด้วยอนุประโยค (ประโยคย่อย) สองประโยค ประโยคหนึ่งขึ้นต้นด้วยคำว่า If กับอีกประโยคหนึ่งมีหน้าตาเหมือนประโยคสมบูรณ์ทั่วไป สังเกตว่า อนุประโยคสองประโยคนี้สลับที่กันได้ จะยกประโยคไหนขึ้นต้นก็ได้ แล้วแต่การเน้นและความหมาย

 อ่านเพิ่มเติม

UNIT 7 : You've Got Mail!


Gerunds (เจอรันสฺ) เป็นกริยารูปหนึ่งที่ลงท้ายด้วย ing และทำหน้าที่เป็น คำนาม (noun) ฉะนั้นตำแหน่งของคำกริยาประเภทนี้ในประโยคคือ ประธาน (subject) กรรมตรง (direct object) ประธานเสริม (subject complement) และกรรมของบุพบท (object of preposition)
ตำแหน่งของ Gerunds
1. ประธาน (subject)
ตัวอย่าง
Traveling might satisfy your desire for new experiences.
การเดินทางอาจจะสนองตอบความปรารถนาด้วยประสบการณ์ใหม่ๆ ของคุณ
หมายเหตุ กรณีนี้รูปกริยา Traveling เป็นประธาน ก็เพราะวางอยู่หน้ากริยาหลักของประโยค นั่นคือ might satisfy
2. กรรมตรง (direct object)
ตัวอย่าง
I hope that you appreciate my offering you this opportunity.
ผมหวังว่าคุณจะชื่นชอบการที่ผมให้โอกาสคุณครั้งนี้
หมายเหตุ กรณีนี้ my offering you this opportunity เป็นกรรมตรง ก็ เพราะเป็นการตอบคำถามว่า ชื่นชอบ <appreciate> “อะไร’’ อ่านเพิ่มเติม

UNIT 6 : Take My Advice


modals หรือ modal auxiliaries คือกลมกริยาช่วยที่ใช้บอกกริยาแท้ของประโยค โดยที่กริยาแท้จะเป็นกริยาช่อง1
               รูปธรรมดา                รูปปฏิเสธ                            รูปย่อปฏิเสธ
                can                        cannot                             can' t
                could                     could not                         cudn' t
                may                       may not                           mayn' t
               might                       might not                         mightn' t
               shall                        shall not                          shalln' t
               should                     should not                       shouldn' t
               ought to                  ought not to                     oughtn' t
               will                          will not                            won' t
               would                      would not                       wouldn' t
               must                        must not                          moustn' t
               have to                    do not have to                 don' t have to
               need                        need not                          needn' t
               dare                        dare not                          daren' t
               had better                had better not